การประเมินราคาที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง

การประเมินราคาที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง
การประเมินมูลค่าทรัพย์เพื่อใช้ค้ำประกันเงินกู้ ไม่ใช่แค่ “โฉนด” เท่านั้นที่สำคัญ แต่ ตัวสิ่งปลูกสร้างที่อยู่บนที่ดิน เช่น บ้าน อาคาร หรือโกดัง ก็มีมูลค่าที่สามารถประเมินได้ และอาจทำให้คุณได้วงเงินเพิ่มสูงขึ้นกว่าที่คิด  

การประเมินราคาที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง คืออะไร?

ที่ดินที่มีบ้านหรืออาคารปลูกอยู่ ไม่ได้มีแค่ “มูลค่าของที่ดิน” เท่านั้น แต่สิ่งปลูกสร้าง เช่น บ้านพักอาศัย อาคารพาณิชย์ หรือโรงงาน ก็สามารถเพิ่มมูลค่าทรัพย์รวมได้อีกมาก  เพื่อใช้ประกอบการทำธุรกรรมต่างๆ เช่น การประเมินมูลค่าทรัพย์แบบ “ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง” จึงสำคัญมาก  

วิธีการประเมินราคาที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง

วิธีการประเมินราคาที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก คือ การประเมินราคาที่ดินและการประเมินราคาสิ่งปลูกสร้าง

1. ประเมินราคาที่ดิน

  • ตรวจสอบราคาประเมินจากหน่วยงานราชการ คุณสามารถตรวจสอบราคาประเมินที่ดินได้จาก ราคาประเมินกรมธนารักษ์ หรือ กรมที่ดิน ซึ่งเป็นราคาพื้นฐานที่รัฐกำหนดไว้เพื่อใช้ในการคำนวณภาษีและค่าธรรมเนียม
  • ประเมินราคาจากผู้เชี่ยวชาญ หากต้องการราคาที่ใกล้เคียงกับราคาตลาด แนะนำให้ประเมินโดยบริษัทประเมินอสังหาริมทรัพย์เอกชน เพราะผู้เชี่ยวชาญจะช่วยพิจารณาปัจจัยเชิงลึกที่ทำให้ราคาแตกต่างไปจากราคาประเมินของรัฐ
 

2. การประเมินราคาของสิ่งปลูกสร้าง (พร้อมตัวอย่าง)

ในการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง หรือแม้แต่เฉพาะสิ่งปลูกสร้างเพียงอย่างเดียว เช่น การโอนบ้าน อาคาร หรือโกดัง การคำนวณ ราคาประเมินของสิ่งปลูกสร้าง เป็นสิ่งสำคัญที่ใช้เป็นฐานในการคิดค่าธรรมเนียมและภาษี ณ สำนักงานที่ดิน หลักเกณฑ์การคำนวณราคาประเมินสิ่งปลูกสร้างมีขั้นตอนดังนี้
  1. ตรวจสอบประเภทสิ่งปลูกสร้าง
ตรวจสอบว่าสิ่งปลูกสร้างของท่านอยู่ในประเภทใด ตาม “บัญชีราคาประเมินสิ่งปลูกสร้าง” ซึ่งสามารถดูได้จากสำนักงานที่ดิน หรือเว็บไซต์ของกรมที่ดิน/กรมธนารักษ์ โดยแต่ละประเภทจะมี “ราคาประเมินต่อ ตร.ม.” ที่แตกต่างกันไป  
  1. คำนวณพื้นที่ใช้สอยทั้งหมด
รวมพื้นที่ทุกชั้นของอาคาร (ถ้ามีหลายชั้นต้องคำนวณทุกชั้น) ตัวอย่าง : บ้านไม้ 2 ชั้น ขนาดกว้าง 10 เมตร ยาว 15 เมตร พื้นที่ = (10 × 15) × 2 = 300 ตารางเมตร  
  1. คำนวณราคาประเมินเบื้องต้น
นำพื้นที่ (ตร.ม.) × ราคาประเมินต่อ ตร.ม ตัวอย่าง :  บ้านไม้สองชั้น พื้นที่ 300 ตร.ม. × 6,000 บาท ราคาประเมินเบื้องต้น = 1,800,000 บาท  
  1. หักค่าเสื่อมราคาตามอายุอาคาร
ตามหลักเกณฑ์ของสำนักงานที่ดิน จะมีการหักค่าเสื่อมราคาตามชนิดวัสดุก่อสร้างและอายุการใช้งานของอาคาร ตัวอย่าง :  บ้านปลูกสร้างมาแล้ว 10 ปี  เป็นอาคารไม้ ก็จะต้องหักค่าเสื่อมสภาพอยู่ที่ 40% ค่าเสื่อม = 1,800,000 × 40% = 720,000 บาท  

ตารางกำหนดอัตราร้อยละของค่าเสื่อมโรงเรือนสิ่งปลูกสร้าง 

        ภาพจาก : กรมธนารักษ์

  1. คำนวณราคาประเมินสุดท้าย
ราคาประเมินเบื้องต้น = 1,800,000 บาท ค่าเสื่อมสภาพ = 720,000 บาท ราคาประเมินสุดท้าย = 1,800,000 − 720,000  = 1,080,000 บาท ราคานี้คือ มูลค่าประเมินที่ใช้คำนวณภาษีและค่าธรรมเนียม ณ วันโอนกรรมสิทธิ์ (ตัวอย่างข้างต้นอ้างอิงจาก : สำนักงานที่ดินจังหวัดกำแพงเพชร)  

ปัจจัยที่มีผลต่อราคาประเมิน

ราคาประเมินของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดเพียงอย่างเดียว แต่ยังมี หลายปัจจัยแวดล้อม ที่ส่งผลต่อมูลค่าของทรัพย์สินโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นในมุมของการซื้อ – ขาย หรือใช้ทรัพย์เป็นหลักประกันทางการเงิน เช่น การจำนองหรือขายฝาก ต่อไปนี้คือปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อราคาประเมิน
  1. ทำเลที่ตั้งของทรัพย์
ที่ดินหรืออาคารที่อยู่ในย่านเศรษฐกิจ ติดถนนใหญ่ ใกล้รถไฟฟ้า ทางด่วน ห้างสรรพสินค้า หรือศูนย์ราชการ มักมีราคาประเมินสูงกว่าที่ดินในพื้นที่ห่างไกลหรือเข้าซอยลึก  
  1. ลักษณะของสิ่งปลูกสร้าง
วัสดุที่ใช้ก่อสร้าง เช่น คอนกรีตเสริมเหล็ก vs โครงสร้างไม้, ความสูงของอาคาร, จำนวนชั้น, รวมถึงระบบไฟฟ้า-ประปาภายใน ล้วนมีผลต่อราคาประเมินทั้งสิ้น อาคารที่สร้างด้วยวัสดุคุณภาพดี จะได้ราคาประเมินต่อ ตร.ม. สูงกว่าอาคารที่สร้างด้วยวัสดุทั่วไป  
  1. สภาพและอายุของสิ่งปลูกสร้าง
สิ่งปลูกสร้างที่ใหม่หรือได้รับการบำรุงรักษาดี จะมีมูลค่าสูงกว่าทรัพย์ที่มีสภาพทรุดโทรม หรือมีอายุใช้งานมาก อาคารที่มีอายุ 20–30 ปีขึ้นไป มักถูกหักค่าเสื่อมมากกว่าครึ่ง ซึ่งทำให้ราคาประเมินเหลือเพียง 40–50% ของราคาก่อสร้างเดิม  
  1. สาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกโดยรอบ
ทรัพย์ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มี ถนนคอนกรีต ไฟฟ้า ประปา อินเทอร์เน็ต และระบบขนส่งสาธารณะครบถ้วน มักได้รับการประเมินในมูลค่าที่สูงกว่าทรัพย์ในพื้นที่ห่างไกลหรือขาดโครงสร้างพื้นฐาน ตัวอย่างที่มีผลต่อราคาประเมิน 
  • ทางเข้าติดถนนสาธารณะหรือถนนคอนกรีต
  • มีไฟฟ้า ประปาเชื่อมถึง
  • ใกล้รถไฟฟ้า รถเมล์ หรือทางด่วน
ยิ่งมีการเดินทาง เข้าถึงง่าย พร้อมใช้งานมากเท่าไร ราคาประเมินก็ยิ่งสูงขึ้นไปด้วย  

ประเมินเอง vs ประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญ แตกต่างกันอย่างไร?

แม้การประเมินราคาทรัพย์เบื้องต้นจะสามารถทำเองได้ในบางกรณี เช่น การเช็กราคาประเมินที่ดิน หรือคำนวณพื้นที่ใช้สอยของบ้าน แต่ในความเป็นจริง มูลค่าที่แท้จริงของทรัพย์สิน มักมีรายละเอียดมากกว่าตัวเลขบนกระดาษ  

ประเมินด้วยตนเอง

  • ใช้ราคากลางทั่วไป ไม่อัปเดตตามตลาดจริง
  • อาจมองข้ามปัจจัยเชิงลึกที่มีผลต่อการประเมิน เช่น ทำเล, สาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกโดยรอบ
  • ไม่มีความแม่นยำในเกณฑ์หักค่าเสื่อมสภาพ
 

ประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญ

  • ประเมินจากสภาพทรัพย์จริงและตลาดปัจจุบัน
  • พิจารณาปัจจัยเฉพาะของทรัพย์ได้อย่างแม่นยำ เช่น ทำเล วัสดุ วัตถุประสงค์การใช้งาน 
  • มีเกณฑ์ที่เป็นมาตรฐานระดับวิชาชีพ
  • ใช้ประกอบการขอวงเงินกับธนาคาร, นายทุน หรือใช้ประกอบการโอนกรรมสิทธิ์ได้
  ❝หากประเมินราคาที่ดินและสิ่งปลูกสร้างผิด อาจทำให้คุณเสียโอกาสขอวงเงิน❞ ถ้าไม่มั่นใจ ให้ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาช่วยดูคือทางเลือกที่คุ้มค่าที่สุด หากคุณกำลังมองหาที่ปรึกษาด้าน จำนองหรือขายฝากที่ดิน ที่ให้คำแนะนำอย่างมืออาชีพ ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย และพร้อมดูแลทุกขั้นตอนตั้งแต่เริ่มจนถึงวันไถ่ถอน ทีมงานของเรายินดีให้บริการและช่วยวางแผนการทำธุรกรรมให้เหมาะสมกับความต้องการของคุณ ติดต่อทีมงานผู้เชี่ยวชาญของเราได้ที่… โทร : 061-895-4469 Line OA : @kaifakcoachtae หรือ คลิกที่นี่

Q&A: คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ “การประเมินราคาที่ดิน”

ราคาประเมินของกรมธนารักษ์เป็นราคากลางที่ใช้คำนวณภาษีและค่าธรรมเนียมตามกฎหมายเท่านั้น มักต่ำกว่าราคาตลาดจริง โดยเฉพาะในทำเลเมืองหรือย่านเศรษฐกิจ หากต้องการราคาที่สะท้อนมูลค่าทรัพย์จริง ควรประเมินเพิ่มเติมโดยผู้เชี่ยวชาญ

การขอสินเชื่อกับธนาคารหรือนายทุน มักใช้ราคาประเมินจากบริษัทประเมินทรัพย์สินที่ได้รับใบอนุญาต หรือประเมินโดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายสินเชื่อโดยตรง ซึ่งจะพิจารณาทั้งราคาตลาด ทำเล และสภาพทรัพย์

มีมูลค่าแน่นอน ! แม้จะหักค่าเสื่อมไปตามอายุการใช้งาน แต่บ้านหรืออาคารที่ได้รับการดูแลดี หรืออยู่ในทำเลดี ก็ยังสามารถมีมูลค่าประเมินที่ใช้ประกอบธุรกรรมได้ โดยเฉพาะหากตัวที่ดินมีศักยภาพสูง

หากสิ่งปลูกสร้างมีมูลค่าสูง เช่น บ้านหรู หรืออาคารสำนักงาน จะช่วยเพิ่มวงเงินได้มากกว่าการมีแค่ที่ดินเปล่า เพราะธนาคารหรือนายทุนจะนำมูลค่ารวมทั้งแปลงมาประเมินเป็นวงเงินที่ให้กู้ได้

การต่อเติมมีผลต่อราคาประเมิน หากการต่อเติมเพิ่มพื้นที่ใช้สอย เช่น ต่อเติมครัว โรงจอดรถ หรือชั้นลอย และยังอยู่ในสภาพดี จะช่วยเพิ่มมูลค่าทรัพย์ในการประเมินได้ แต่ถ้าต่อเติมโดยไม่ได้มาตรฐาน หรือไม่ได้แจ้งหน่วยงานรัฐ อาจไม่มีผลต่อราคาประเมิน

ราคาประเมิน คือราคาที่รัฐหรือผู้ประเมินใช้เป็นฐานในการคำนวณภาษี/ค่าธรรมเนียม ส่วนราคาตลาดคือราคาที่ผู้ซื้อ–ผู้ขายยินยอมซื้อขายจริง ซึ่งมักจะ “สูงกว่าราคาประเมิน” โดยเฉพาะในทำเลดีหรืออสังหาฯ ที่มีความต้องการสูง