รีไฟแนนซ์ที่ดินหรือขายฝาก หากคุณต้องการ เงินด่วน โดยใช้ โฉนดที่ดินเป็นหลักประกัน คุณอาจกำลังลังเลระหว่าง “รีไฟแนนซ์ที่ดิน” กับ “ขายฝากที่ดิน” ว่าวิธีไหนดีกว่า คุ้มค่ากว่า และเหมาะกับสถานการณ์ทางการเงินของคุณ
บทความนี้จะช่วยคุณ เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียของการรีไฟแนนซ์ที่ดินและขายฝากที่ดิน เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูล
📌 รีไฟแนนซ์ที่ดินหรือขายฝาก รีไฟแนนซ์ที่ดินคืออะไร?
รีไฟแนนซ์ที่ดิน หมายถึง การขอสินเชื่อใหม่โดยใช้โฉนดที่ดินเป็นหลักประกัน โดยนำเงินกู้ใหม่มาชำระหนี้เดิม หรือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจ ซึ่งมักจะทำผ่าน ธนาคารหรือสถาบันการเงินที่ได้รับอนุญาต
ข้อดีของรีไฟแนนซ์ที่ดิน
- อัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า – โดยทั่วไปจะอยู่ที่ 3-9% ต่อปี ซึ่งต่ำกว่าขายฝากมาก
- ระยะเวลาผ่อนชำระยาว – สามารถผ่อนได้ 10-30 ปี ทำให้ไม่ต้องแบกรับภาระหนักในระยะสั้น
- ยังคงเป็นเจ้าของที่ดิน – คุณยังมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินเหมือนเดิม ไม่มีการเปลี่ยนชื่อ
- สามารถลดภาระดอกเบี้ยจากหนี้เก่าได้ – เหมาะสำหรับคนที่ต้องการลดค่าใช้จ่ายรายเดือน
ข้อเสียของรีไฟแนนซ์ที่ดิน
- ต้องมีเครดิตทางการเงินที่ดี – ธนาคารมักพิจารณาประวัติเครดิตและความสามารถในการชำระหนี้
- ใช้เวลาพิจารณานาน – อาจต้องใช้เวลา 2-4 สัปดาห์ ในการอนุมัติ
- ต้องมีเอกสารและหลักฐานรายได้ – เช่น สลิปเงินเดือน หรือรายรับจากธุรกิจ
- ไม่เหมาะกับคนที่ต้องการเงินด่วนมาก – เพราะกระบวนการขอสินเชื่ออาจช้ากว่าขายฝาก
📌 ขายฝากที่ดินคืออะไร?
ขายฝากที่ดิน คือ การขายที่ดินโดยมีข้อตกลงว่าเจ้าของเดิมสามารถไถ่คืนได้ภายในเวลาที่กำหนด (สูงสุดไม่เกิน 10 ปี) โดยมีการคิดดอกเบี้ยในรูปแบบค่าธรรมเนียม
ข้อดีของขายฝากที่ดิน
- ได้เงินด่วนภายใน 1-3 วัน – เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเงินด่วน
- ไม่ต้องเช็คเครดิตหรือประวัติการเงิน – แม้มีหนี้เสียก็สามารถขายฝากได้
- อนุมัติง่ายกว่ารีไฟแนนซ์ – ไม่มีขั้นตอนยุ่งยากเหมือนธนาคาร
- เหมาะกับคนที่ไม่มีรายได้ประจำ – ไม่ต้องแสดงเอกสารรายได้
ข้อเสียของขายฝากที่ดิน
- ดอกเบี้ยสูงกว่ารีไฟแนนซ์ – อัตราดอกเบี้ยสูงสุด ไม่เกิน 15% ต่อปี ตามกฎหมาย
- หากไถ่ถอนไม่ทัน อาจเสียที่ดิน – เจ้าของต้องรีบไถ่ถอนภายในเวลาที่กำหนด
- สัญญามีระยะเวลาจำกัด – ปกติจะอยู่ที่ 1-3 ปี หากเกินกว่านี้อาจต้องต่อสัญญาหรือเสี่ยงต่อการสูญเสียที่ดิน
- ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมไถ่ถอน – อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการไถ่ถอน
📊 เปรียบเทียบรีไฟแนนซ์ที่ดิน vs ขายฝากที่ดิน
หัวข้อเปรียบเทียบ | รีไฟแนนซ์ที่ดิน | ขายฝากที่ดิน |
---|---|---|
ดอกเบี้ย | 3-9% ต่อปี (ต่ำกว่า) | สูงสุด 15% ต่อปี |
ระยะเวลาผ่อน | 10-30 ปี (ยาวกว่า) | อายุสัญญา 1 ปี สามารถต่อสัญญาได้ (สั้นกว่า) |
ความเป็นเจ้าของที่ดิน | ยังเป็นของคุณ | เปลี่ยนชื่อเป็นของผู้รับซื้อฝาก |
ระยะเวลาได้เงิน | 2-4 สัปดาห์ | 1-3 วัน |
การตรวจสอบเครดิต | มีการตรวจสอบ | ไม่มีการตรวจสอบ |
เอกสารที่ต้องใช้ | ต้องใช้หลักฐานรายได้ | ใช้เอกสารน้อย |
ความเสี่ยงในการสูญเสียที่ดิน | ไม่มี | หากไถ่ถอนไม่ทัน อาจเสียที่ดิน |
📌 ควรเลือกรีไฟแนนซ์ที่ดินหรือขายฝากที่ดิน?
เลือกรีไฟแนนซ์ที่ดิน หาก
- ต้องการดอกเบี้ยต่ำ และผ่อนชำระได้นาน
- มีประวัติเครดิตดี และมีหลักฐานรายได้
- ต้องการลดภาระดอกเบี้ยจากหนี้เดิม
- ไม่ต้องการเสี่ยงต่อการเสียกรรมสิทธิ์ในที่ดิน
เลือกขายฝากที่ดิน
- ต้องการเงินด่วนใน 1-3 วัน
- ไม่มีเอกสารรายได้ หรือประวัติเครดิตไม่ดี
- สามารถไถ่ถอนคืนได้ภายในเวลาที่กำหนด
- ต้องการเงินทุนโดยไม่มีข้อผูกมัดระยะยาว
🔥 รีไฟแนนซ์ที่ดินหรือขายฝาก ดีกว่ากัน?
รีไฟแนนซ์ที่ดิน ดีกว่าในแง่ของ ดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า และ ระยะเวลาผ่อนชำระที่ยาวกว่า แต่ต้องใช้เวลานานในการอนุมัติและต้องมีเครดิตที่ดี
ขายฝากที่ดิน เหมาะสำหรับคนที่ต้องการ เงินด่วนและไม่มีเครดิตดี แต่ต้องยอมรับความเสี่ยงเรื่องดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และโอกาสเสียสิทธิ์ในที่ดินหากไม่สามารถไถ่ถอนคืนได้
- หากต้องการเงินก้อนด่วนแบบปลอดภัย และสามารถไถ่ถอนได้เร็ว ขายฝากอาจเป็นทางเลือกที่ดี
- หากต้องการดอกเบี้ยต่ำและมีแผนชำระระยะยาว รีไฟแนนซ์ คือทางเลือกที่คุ้มค่ากว่า
💡 ก่อนตัดสินใจ ควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียด เปรียบเทียบข้อเสนอ และเลือกวิธีที่เหมาะสมกับสถานการณ์ทางการเงินของคุณมากที่สุด! 😊
โทร : 061-895-4469
Line OA : https://lin.ee/5k9QSYx
(@kaifakcoachtae)
Website : https://xn—-twfcwe6hya3b6gwbcd46a.com
#ขายฝากที่ดิน #ขายฝากจำนอง #ขายฝาก #จำนอง #โค้ชเต๊ะ #รับขายฝาก #รับจำนอง #รับขายฝากจำนอง #โฉนดที่ดิน #กรมที่ดิน #โฉนด #อสังหาริมทรัพย์ #รีไฟแนนซ์ที่ดินหรือขายฝาก